กุนซือ มาดคุณชาย ชาบี อลอนโซ่

ถ้าจะพูดถึงอดีตนักเตะของ ลิเวอร์พูล ที่แขวนสตั๊ดแล้วทำผลงานในการเป็นกุนซือได้น่าจับตามอง เชื่อว่าชื่อของ ชาบี อลอนโซ่ ย่อมต้องติดในลิสต์นั้นมาด้วยอย่างแน่นอน เขาเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังจากการอยู่ในทีมเยาวชนของ เรอัล โซเซียดาด และโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นมาก ๆ
ในฤดูกาล 2002-03 ซึ่งเขาเป็นคีย์แมนสำคัญในแดนกลางที่พาทีมจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ ลา ลีกา ก่อนจะย้ายข้ามฟากมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษกับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวประมาณ 10 ล้านปอนด์ตอนปี 2004 ชาบี เข้ามายกระดับเกมแดนกลางของ หงส์แดง ได้ชนิดที่สามารถต่อกรกับทีมดัง ๆ ในยุโรปได้อย่างสูสี
เขากลายเป็นห้องเครื่องคนสำคัญของทีมเคียงคู่กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด โดยเขารับบทเป็นเพลย์เมกเกอร์จากแนวลึกที่คอยสร้างสรรค์เกมให้ทีมจากการวางบอลยาวสวย ๆ เป็นคนเล่นลูกตั้งเตะและสังหารฟรีคิกประจำทีม อีกทั้งยังพาหงส์แดงคว้าแชมป์ยุโรปได้ตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายมาอีกด้วย
ชาบี อลอนโซ่ อยู่กับ ลิเวอร์พูล นาน 5 ฤดูกาล ลงสนาม 210 นัด ยิงได้ 19 ประตูกับอีก 20 แอสซิสต์ ได้แชมป์เอฟเอ คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ อย่างละสมัย ไฮไลต์เด่นมีมากมายไม่ว่าจะเป็นการทำประตูตีเสมอ มิลาน ในนัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยิงประตูจากครึ่งสนามใส่ ลูตัน ทาวน์ ในเกม เอฟเอ คัพ, ทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกของพรีเมียร์ลีกที่จ่ายบอลสำเร็จได้มากที่สุดถึง 1,000 ครั้งในฤดูกาลเดียว
ชาบี ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ตอนปี 2009 เล่นกับราชันชุดขาวนาน 6 ปี ก่อนจะปิดฉากอาชีพการค้าแข้งที่เยอรมนีกับ บาเยิร์น มิวนิค โดยเล่นให้เสือใต้อีก 3 ปี แล้วจึงตัดสินใจแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาล 2016-17 ซึ่งตลอดอาชีพการค้าแข้งในฐานะนักเตะนั้น ชาบี อลอนโซ่ ได้แชมป์ใหญ่ ๆ มาแทบครบ ทั้งแชมป์ลีก, แชมป์ยุโรป, แชมป์บอลถ้วย รวมถึงในนามทีมชาติก็ได้แชมป์โลกกับแชมป์ยูโรมาแล้ว
เมื่อแขวนสตั๊ด ชาบี อลอนโซ่ ตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่วงการโค้ชในทันที เขาไปเข้าอบรมการเป็นโค้ชกับทางยูฟ่า โดยอยู่ในคลาสเดียวกับ ชาบี เอร์นานเดซ และ ราอูล กอนซาเลซ สองตำนานทีมชาติสเปน
เมื่อจบหลักสูตรโค้ช เขาก็ได้งานแรกคือการคุมทีมเยาวชนชุดอายุต่ำกว่า 14 ปีของ เรอัล มาดริด ซึ่งที่นี่ ชาบี ก็ได้ฉายแววออกมาให้เห็นด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกในรุ่นเล็กได้ทันที ก่อนจะขยับเลเวลด้วยการไปคุมทีมสำรองของ เรอัล โซเซียดาด ในปี 2019 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางโค้ชของเขาเลยก็ว่าได้
ผลงานของ ชาบี อลอนโซ่ กับทีมสำรองของ โซเซียดาด ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนักหากมองในปีแรกไปยังตารางคะแนน เขาพาทีมจบด้วยอันดับที่ 5 ของ เซกุนดา เบ แต่ไฮไลต์สำคัญคือเขารังสรรค์ทีมให้เล่นเกมรุกเป็นหลัก แต่มีจุดอ่อนในเรื่องของเกมรับ
ชาบี อลอนโซ่ ยอมรับว่าเขากำลังเรียนรู้ถึงเรื่องความสมดุลในการทำทีม เขาพยายามปรับตัวเข้าหาลูกทีม และไม่ได้กำหนดปรัชญาการเล่นแบบตายตัว เขายินดีที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ไม่ยึดติด แต่ขอแค่ทีมยังคงเอกลักษณ์ในการเล่นฟุตบอลเกมบุกก็พอ
หลังจากคุมทีมสำรองมา 3 ปี โอกาสครั้งสำคัญของ ชาบี อลอนโซ่ ก็มาถึงเมื่อ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทีมใหญ่จาก บุนเดสลีกา ได้แต่งตั้งเขาให้มาคุมทัพแทน เจราร์โด้ เซโอเน นี่คือการคุมทีมชุดใหญ่ครั้งแรกของ ชาบี ซึ่งเป็นงานยากเพราะทีมห้างขายยา อยู่ในโซนล่างของตาราง แต่มันกลับเป็นความท้าทายที่เขายินดีจะรับไว้ในทันที
เกมแรกของ ชาบี ในฐานะกุนซือเขาพาทีมเปิดบ้านชนะ ชาลเก้ ไป 4-0 ทีมกลับมาเล่นฟุตบอลเกมรุกด้วยความมั่นใจอีกครั้ง สร้างโอกาสทำประตูไปถึง 13 ครั้ง จ่ายบอลสำเร็จมั้งทีมมากกว่าคู่แข่งเกือบเท่าตัว พาทีมขยับหนีโซนตกชั้นขึ้นมาอยู่ในโซนสีเขียวได้อย่างยอดเยี่ยม
แม้ว่าเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดต่อมา ทีมของเขาจะแพ้ ปอร์โต้ คาบ้าน 0-3 ก็ตาม แต่รูปเกมของ เลเวอร์คูเซ่น นั้นต้องบอกเลยว่ามีอนาคตมาก ๆ ครองบอลมากกว่า ได้บุกมากถึง 17 ครั้ง และจ่ายบอลกันแม่นยำในระดับที่เกิน 500 ครั้งต่อเกมเลยทีเดียว
ปัจจุบันขณะ ชาบี อลอนโซ่ พา เลเวอร์คูเซ่น กระโดดจากท้ายตารางขึ้นมารั้งอันดับ 8 ในตารางบุนเดสลีกา ผลงานนับตั้งแต่มาคุมทีมคือ 9 นัดในลีก ชนะไป 6 เสมอ 1 แพ้ 2 มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน บุกแหลก ครองบอลต่อเนื่อง จนแฟนบอลมองเห็นอนาคตอันสดใดรออยู่เลยทีเดียว
แม้ว่าเส้นทางใหม่ในสายงานกุนซือของ ชาบี อลอนโซ่ เพิ่งเริ่มต้น โดยตามรอยเพื่อนร่วมรุ่นของเขาทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, มิเกล อาร์เตต้า และ ชาบี เอร์นานเดซ มาห่าง ๆ ก็จริง แต่ฟุตบอลสวยงามในแบบฉบับของ ชาบี อลอนโซ่ ที่ เลเวอร์คูเซ่น นั้นน่าจับตามองและน่าเอาใจช่วยมาก ๆ หากทำผลงานได้ดี โอกาสที่ในอนาคตเขาจะมาลุยในพรีเมียร์ลีกเพื่อดวลกับเพื่อนเก่าอย่าง เจอร์ราร์ด และ อาร์เตต้า ก็เป็นไปได้สูงเลยทีเดียว